ความล้า ของ Servo ก่อเกิดอันตรายต่ออากาศยาน

Servo เป็นหัวใจของระบบควบคุมการบิน ไม่ว่าจะเป็น Elevator, Aileron, Rudder หรือ Throttle หาก servo ตัวใดเริ่มเสื่อมสภาพ ความแม่นยำและความเร็วในการตอบสนองจะลดลงทันที การตรวจพบตั้งแต่ระยะต้นจึงเป็นสิ่งจำเป็นมาก

สัญญาณเตือนว่า Servo เริ่มล้า

1.เสียงผิดปกติ (Unusual Noise) – หากมีเสียงหอนหรือครืดเบา ๆ แม้ไม่มีการขยับโหลด อาจเกิดจากเฟืองเริ่มสึกหรือแกนหมุนหลวม

2.การตอบสนองช้า (Slow Response) – Servo ใช้เวลานานขึ้นกว่าจะขยับถึงตำแหน่งที่สั่ง เทียบกับ servo ตัวใหม่

3.ตำแหน่งไม่คงที่ (Jitter / Hunting) – Servo ขยับเองเล็กน้อยแม้ไม่ได้รับสัญญาณ เปลี่ยนค่า PWM ไปมา ±2–5 µs อย่างไม่เสถียร

4.อุณหภูมิสูงผิดปกติ (Overheating) – ขณะทำงานต่อเนื่อง Servo อุ่นหรือร้อนกว่าปกติ แม้โหลดเท่าเดิม แสดงถึงการสูญเสียประสิทธิภาพของมอเตอร์หรือเกียร์

5.เฟืองมีระยะฟรี (Gear Backlash) – เมื่อขยับปลายคันบังคับด้วยมือแล้วพบว่ามีช่องว่าง (play) มากกว่า 1–2° ให้สงสัยว่าเฟืองเริ่มสึก

6.กระแสไฟสูงกว่าปกติ (High Current Draw) – ใช้เครื่องวัดกระแส (servo tester + power meter) หากกระแสสูงกว่าค่าเฉลี่ย 20–30% แสดงถึงแรงเสียดทานหรือความฝืด

วิธีตรวจสอบหลังจากเปลี่ยนหรือซ่อมทำ

วัด PWM feedback (ถ้ามี telemetry): ตรวจสอบความต่างระหว่าง “commanded vs actual angle”

ตรวจสอบ load path: ตรวจดู linkage และ ball link ว่ามีการคลอนหรือรูขยายตัวหรือไม่

บันทึกชั่วโมงการใช้งาน: ควรกำหนดรอบการเปลี่ยน เช่น ทุก 150–200 ชั่วโมง หรือหลัง flight mission 500 ครั้ง แล้วแต่ภาระงาน

Servo ที่ดู “ยังดี” จากภายนอก อาจเริ่มล้าภายในโดยที่เรามองไม่เห็น การตรวจเช็กเชิงป้องกัน (Preventive Inspection) เป็นแนวทางที่ช่วยป้องกันการสูญเสียทั้งอากาศยานและภารกิจ
“เปลี่ยนก่อนพัง ดีกว่าซ่อมหลังตก”

© LEADING EDGE UNMANNED SYSTEM — Preventive Maintenance Culture, Not Just Repair Culture.

พัฒนาคนเพื่อพัฒนาระบบอากาศยานไร้นักบิน

ในยุคที่เทคโนโลยีอากาศยานไร้นักบิน (UAV) เข้ามามีบทบาทสำคัญในภารกิจด้านความมั่นคง การลาดตระเวน การกู้ภัย และงานภาคสนามต่าง ๆ “บุคลากร” คือหัวใจสำคัญที่จะทำให้ระบบเหล่านี้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ การอบรมและถ่ายทอดองค์ความรู้จากผู้เชี่ยวชาญสู่ผู้ใช้งาน คือขั้นตอนสำคัญของการพัฒนาให้ยั่งยืน ในภาพคือบรรยากาศการฝึกอบรมที่เต็มไปด้วยความตั้งใจ การแลกเปลี่ยน และการซักถามเชิงเทคนิค เพื่อสร้างความเข้าใจร่วมกันระหว่างทีมพัฒนาและผู้ปฏิบัติการจริงในสนาม

การพัฒนา “คน” ไม่ได้จบที่การสอนให้ใช้เครื่อง เราควรปลูกฝังความเข้าใจในระบบ การคิดเชิงวิเคราะห์ และการปฏิบัติอย่างปลอดภัย เมื่อความรู้ถูกถ่ายทอดอย่างถูกทิศถูกทาง ระบบก็จะถูกใช้อย่างเต็มประสิทธิภาพ และนี่คือรากฐานของระบบ UAV ที่มั่นคงและยั่งยืนของประเทศไทย

“การพัฒนาคน… คือหัวใจของพัฒนาเทคโนโลยี”

การบำรุงรักษาโดรนของเรา (Drone maintenance)

โดรน หรือ อากาศยานไร้นักบิน ในบ้านเราสร้างประโยชน์ให้กับภาคเกษตรและอุตสาหกรรมมากมาย ระยะหนึ่งของการใช้งานก้าวมาสู่ช่วงของการต้องซ่อมบำรุงระบบอากาศยานฯ เรามาเรียนรู้การซ่อมบำรุงอากาศยานกันครับ

งานซ่อมบำรุงเป็นวิธีการที่จะทำให้อากาศยานฯของเราสามารถทำงานได้ต่อเนื่อง ไม่ต้องเสียเวลากับปัญหาที่เกิดขึ้นระหว่างการปฏิบัติงาน ประโยชน์ของงานซ่อมบำรุงมีดังนี้

  1. คงประสิทธิภาพของโดรน การบำรุงรักษาทำให้เราตรวจพบสิ่งที่จะเกิดปัญหากับระบบอากาศยานของ เช่นรอยแตกบนใบพัด ตำหนิต่างๆ ที่ปรากฏกับมอเตอร์ สายไฟสายสัญญาณ ที่เริ่มเสื่อมสภาพ เป็นต้น การตรวจและแก้ไข หรือเปลี่ยน เป็นประจำจะเป็นการป้องกัน หรือลดความเสี่ยงที่จะเกิดข้อขัดข้องในขณะบินอยู่บนอากาศ ได้เป็นอย่างดี
  2. เพิ่มความปลอดภัย (Safety) การบำรุงรักษาอย่างสม่ำเสมอ เป็นการคงความพร้อมในการบินอยู่เสมอ (Airworthiness) ความเสี่ยงที่จะเกิดความเสียหายก็น้อยลง หรือใกล้เคียงคำว่าศูนย์ ปัญหาที่เกิดในระหว่างบิน ทำให้สูญเสียเวลาและเงิน หรือมากกว่านั้น ถึงกับเสียอุปกรณ์ที่มีราคาสูง เป็นค่าใช้จ่ายที่ไม่ควรเกิดขึ้น
  3. ยืดอายุการใช้งาน (Extended Life Span) การบำรุงรักษาอยู่เสมอ อุบัติเหตุ อุบัติการ ที่จะเกิดขึ้นกับระบบอากาศยานฯ จะมีน้อยถึงน้อยที่สุด อากาศยานฯ ก็จะอยู่กับเรานานขึ้น ตราบเท่าที่เราไม่ละเลย
  4. ลดต้นทุน (Cost saving) เป็นบทสรุปของสิ่งที่กล่าวมา การที่มีระบบอากาศยานฯ ที่มีความสมบูรณ์ ลดความเสี่ยง ในเรื่องการสูญเสีย อุบัติเหต อุบัติการต่างๆ ไม่จำเป็นมาเสียเงินเสียเวลาในการแก้ปัญหา หน้างาน หรืออาจเสียงาน ได้เลย

รายการตรวจสอบการบำรุงรักษาโดรนตามปกติ (Drone Maintenance Checklist)

แนวทางในการบำรุงรักษาโดรนของเรา ควรจะมีเครื่องไม้เครื่องพร้อมก่อน ตามรายการ ด้านล่าง

  • ผ้าไมโครไฟเบอร์ และอุปกรณ์ทำความสะอาด น้ำยาขจัดกาวหรือสิ่งสกปก และ contact cleaner
  • อุปกรณ์เป่าลมแรงสูง และชุดแปลงปัดผุ่น
  • ไขควงเพื่อย้ำ สกรูให้แน่น
  • รายการ Firmware ที่จำเป็นของอากาศยานฯ
  • จัดเตรียมคู่มือของ อากาศยานฯ นั้น ๆ

ตัวอย่างอุปกรณ์ที่ใช้ในการบำรุงรักษา

การตรวจสอบด้วยตา (Visual Inspection)

การบำรุงรักษาส่วนใหญ่เริ่มด้วยการทำ Visual check หรือการตรวจสอบด้วยสายตาที่ส่วนต่างๆ ของอากาศยานฯ เพื่อตรวจสอบข้อบกพร่องหรือความเสียหาย ที่จะนำไปสู่ อันตรายในขณะบินได้ ความพกพร่องต่าง ๆ เช่น จุดแตก น็อตหลวม หรืออุปกรณ์ มีจุดยึดหลวม หรือชิ้นส่วนมีความเสียหาย การตรวจสอบพบก่อน แต่เนิ่นๆ จะเป็นการป้องกันข้อผิดพลาดในขณะบินได้เป็นอย่างดี รายการด้านล่างเป็นตัวอย่างของ Visual Inspection

  • การตรวจสอบโครงสร้างลำตัวเพื่อหาจุดแตก (Cracks) ตรวจสอบโครงสร้างลำตัวโดรน ควรทำในที่ที่มี แสงสว่างมองเห็นได้ชัด ตรวจสอบ แขน ตัวลำ และข้อต่อต่างๆ เพื่อหาจุดที่เป็นลอยแตกหรือ จุดออ่นบนโครงสร้าง
  • ตรวจสอบ น็อตที่หลวม ต้องมันว่าส่วนประกอบต่าง ๆ ยึดแน่นอยู่ในตำแหน่งของตัวเอง ตรวจสอบน็อตทุกตัวที่มองเห็นและขันตึง ไม่ควรขันตึงจนแน่นเกินที่เกียวของน็อตจะรับกำลังได้ ให้ตรวจสอบกับคู่มือให้มั่นใจ
  • ตรวจสอบใบพัดเพื่อหาจุดเสียหาย (damage) ใบพัดของโดรน เป็นของเปราะบางควรตรวจสอบให้ละเอียด หาจุดแตก หรือใช้มือลูบคลำให้ทั่วใบ หากมีรอยแตกควรเปลี่ยน ทดแทนจะดีที่สุด
  • ตรวจสอบเมอเตอร์ ดูว่ามีขณะหมุนมีเสียงผิดปกติ หรือหมุนผืด อาจมือเศษผงหรือเศษอิฐ ติดอยู่ภายในมอเตอร์ ให้ทำการเป่าออก หรือใช้แปลงปัดออกให้สะอาด
  • ตรวจสอบสายสัญญาณ และสายไฟ หากโดรนของเรามี สายสัญญาณหรือสายไฟภายนอกตัวลำ ให้ตำรวจสอบให้ละเอียด เนื่องจากมีความเสี่ยงที่เสียหาย หากมีอาการหรือสามารถเห็นด้วยตาว่าเสียให้ส่งซ่อม
  • ตรวจสอบ Landing Gear , ตรวจสอบ เสาอากาศ หาจุดแตกจุดพกพร่องต่าง ๆ
  • ตรวจสอบชุดควบคุม ดูจุดต่างๆ ที่อาจเป็นข้อพกพร่อง หน้าจอการแสดงผล สวิท และ ผ่าปิดต่างๆ

ตรวจสอบ Battery

แบตเตอรี่ของโดรนเป็นส่วนประกอบที่มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง เพราะเป็นตัวให้กำลังไฟกับระบบ หากปล่อยให้มีข้อพกพร่องอาจทำให้นำไปสู่ Power loss ระหว่างทำการบินได้ และทำให้ล่วงหล่นได้ การหมั่นตรวจสอบเสมอๆ จะทำให้สามารถพบเจออาการบวม (Swelling) การแตก (Leakage) หรือสิ่งอื่นๆ ที่เป็นอาการบ่งชี้ถึงความเสียหาย เสื่อมสภาพของแบตเตอรี่ ต่อไปเป็นการตรวจสอบเพื่อให้สามารถรักษาสภาพของแบตเตอรี่ให้อยู่ในสภาพที่ดี

  • ตรวจสอบแทนชาร์จ (Charger) หาจุดเสียหาย สายไฟต่างที่อยู่ภายนอก และอาการ Overheating
  • ตรวจสอบ packs ของแบตเตอร์ (Batter packs) หาจุดบวมจุดแตก อาการต่างๆ ที่บ่งบอกถึงความเสื่อสภาพ ควรเปลี่ยนทดแทนเลย
  • ทดสอบ ชาร์จแบตเตอรี่ ชาร์จให้เต็มเมื่อต้องการออกไปใช้งานเลยใน 1-2 วันหากมีแผนที่จะบิน หรือชาร์จให้อยู่ในระดับ 75% ของความจุเพื่อรักษาสภาพใร mode storage

ตามที่ได้พูดมาข้างต้นเป็นขั้นตอนการดูแลรักษาอากาศยายฯ หรือ โดรนของเราให้มีสภาพพร้อมใช้งานเสมอ ลดความเสี่ยงที่จะเกิดอันตรายกับตัวเครื่อง กับทรัพสินของเราและผู้อื่นได้ เป็นอย่างดี ครับ

#Wingsworldwide #Teamhighaltitude

Categories: C# .NET

Which type of drone will suit your application ?? (end) 

VTOL คือที่สุดของ 2 โลก (https://coptrz.com/blog/fixed-wing-vs-multirotor-drones-for-surveying/)

เราได้เห็น ความเปลี่ยนแปลง ของความต้องการและการขยายขอบเขตของการการใช้งานอากาศยาน ไร้คนขับในงาน Survey/Mapping  และเห็นได้ค่อนข้างชัดว่าผู้ใช้งาน ยังคงเลือกใช้อากาศยานประเภท มัลติโรเตอร์ผู้ ตามข้อดีที่กล่าวไปแล้ว  แต่ถึงอย่างไรก็ตามอากาศยานแบบ Fixed-wing ก็ยังมีข้อได้เปรียบที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่งต่อการ เติบโตของงาน และต้นทุนที่แข่งขัน จะดีไปกว่านั้นถ้าเราได้อากาศยาน ที่มีความสามารถในการบินเหมือน Fixed-wing บวกกับความต้องการ ในขนาดพื้นที่ขึ้นลง น้อย มากใกล้เคียงกับอากาศยานแบบ Multi rotor และ บินง่ายขึ้น ไม่ต้องใช้ ทักษะมากนัก ใช้เวลาในการเรียนรู้น้อย  ก็จะทำให้อากาศยานนั้น มีความต้องการใช้ไม่น้อย

ย้อนกลับไป 5-6 ปี อากาศยานไร้คนขับแบบ VTOL หรือ Vertical take-off and landing แบบลูกผสม Fxied-wing หรือเราเรียกกันสั้น ๆ ว่า VTOL  ค่อย ๆ ปรากฏ ขึ้นมาในช่องว่างที่เรามองหากัน  อากาศยานรูปแบบนี้ก็ เริ่มนำเข้ามาใช้งานมากขึ้น จนปรากฏให้เห็นเป็นความนิยมมากขึ้น  เพราะคุณสมบัติของ อากาศยานชนิดนี้ เป็นการนำเอา ข้อดีของ อากาศยานแบบ multi rotor บวกกับ อากาศยาน ชนิด Fixed-wing เป็นสิ่งที่ตอบโจทย์ ให้กับผู้ใช้งานหลากหลาย โดยเฉพาะงาน ด้าน Survey/Mapping ขนาดใหญ่ หรือในระยะไกล เช่นการสำรวจดามแนว ทางรถไฟ ตามแนวสายส่ง ตามแนวคลองส่งน้ำ เป็นต้น  การฝึกฝนนักบิน ใช้เวลาน้อยกว่าฝึกการใช้งานแบบ Fixed-wing  อีกด้วย

ปัจจุบัน เริ่มมีการใช้งานอากาศยานไร้คนขับชนิดนี้กันอย่างกว้างขวาง ขึ้น ทั้งในด้าน Application ในด้านการวิจัยและพัฒนา โรงเรียนและการฝึกสอน ไปจนถึงในด้านสงครามใกล้บ้านไกลบ้าน มีให้เห็นกัน เกลื่อนตา (ในโลกปัจจุบันที่ไม่สามารถปิดกันข้อมูลข่าวสารได้ )    ถ้าไม่จับจ้องเรื่องความเสื่อมถอยทางเศรษฐกิจ ก็ยังคงพอมองเห็นความคึกคักอยู่บ้าง  ใครปล่อยผ่านก็อาจจะเสียโอกาสในการแข็งขัน  ช่วงนี้ก็ถือว่าเป็นช่วงที่ต้องชิงโอกาส แอบซุ่มทำงานกัน เมื่อเศรษกิจติดเครื่อง จะได้วิ่งไปโลดพร้อมๆ กัน ครับ ก็ขอจบ ไว้เท่านี้ ครับ

Categories: Drone, UAV, VTOL

Which type of drone will suit your application ?? (2) 

มองย้อนกลับไปประมาณ 15-20  ปีที่แล้ว ระบบอากาศยานไร้คนขับ หรือ โดรน ยังไม่มีอากาศยานแบบ Multi rotor เราใช้อากาศยานแบบ Fixed-wing เป็นที่นิยม และใช้กันมาถึงยุคปัจจุบัน มีทั้งแบบ พุ่งขึ้น วิ่งขึ้น และการยิ่งขึ้น มีความสามารถในการบินระยะไกล (long-range)  บินนาน (long-endurance) และบินได้สูง (high-altitude)  ใช้งานได้หลากหลาย เช่น การบินทำแผนที่สำรวจ (mapping / suvery) การบินเพื่อการ ต่อระยะสัญญาณ (signal relay) หรือการติดตั้ง sensor ชนิดต่าง ๆ เพื่อตรวจวัดสภาพอากาศ 

สามารถเปรียบเทียบข้อดีขอเสียกับอากาศยานแบบ multi rotor ได้ดังนี้

อากาศยานแบบ Multi rotor

ข้อดี-ฝึกง่าย บินง่าย
-สามารถบรรทุกหนักได้ดี (payload capacity)
-ใช้ที่ขึ้นลงน้อย 
– มีความสามารถในการบิน ลอยนิ่งได้ (hover)
ข้อเสีย– บินได้ไม่ไกล(short-range)  เพราะเวลาในการบิน (Flight-time) ต่ำ
– ต้นทุนในการบำรุงรักษา (Maintenace) สูงกว่า
ข้อดีข้อเสียของอากาศยานแบบมัลติโรเตอร์

อากาศยานแบบ Fixed-wing

ข้อดี– บินปฏิบัติการได้ไกล (long-range) เพราะบินได้นานกว่า(long-endurance)
– มีเสถียรภาพสูง (Greater stability) สามารถทนต่อลมได้สูง
– สามารถร่อนกลับได้ เมื่อแบตเตอรี่หมด (Recover from power loss)
– ต้นทุนการบำรุงรักษาต่ำกว่า
ข้อเสีย– การขึ้นและลงต้องการ พื้นที่มาก หรือ runway
– นักบินต้องมีการฝึกฝนมากกว่า
– ต้องการพื้นที่ ในการเก็บและเคลื่อนย้าย (ใหญ่กว่า Multi rotor)
ข้อดีข้อเสียของอากาศยานแบบ Fixed-wing

ในช่วง 5-6 ปีที่ผ่านมา มีความนิยม เอาอากาศยาน แบบ multi rotor มาบินในงาน Survey/Mapping มากขึ้น เนื่องจากผู้ใช้ ใช้งานง่าย ขนย้านสะดวกกว่า Fixed-wing  แต่ในปัจจุบันเมื่อ Application ด้าน survey/mapping มีความต้องการมากขึ้นขนาดพื้นที่ที่ต้องการทำใหญ่ขึ้น ทำให้ข้อได้เปรียบ ของ multi rotor ลดลงไป  และมองหาสิ่งที่จะมาทดแทน 

Categories: Drone, UAV, VTOL